วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2556

About Me



นางสาว ขนิษฐา   โพธิ์ศิริ
หมู่เรียน 56/16   รหัสนักศึกษา 564145107  
โปรแกรมวิชา คอมพิวเตอร์ศึกษา
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม

.............

Infographic Port I/O


วันอาทิตย์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2556

Infographic หน่วยความจำหลัก(กลุ่มตัวเอง)




Infographic ไมโครโปรเซสเซอร์





17.ชนิดหน่วยความจำสำรอง แบบต่างๆ




1. แผ่นบันทึก (floppy disk หรือ diskette) : เก็บข้อมูลโดยบันทึกลงบนผิวของแผ่น สามารถใช้ได้ทั้ง2ด้าน หัวอ่านจึงมีสองหัว จะอ่านข้อมูลโดยหัวอ่านวิ่งออกเพื่ออ่านข้อมูล ส่วนที่เก็บข้อมูลจะเรียกว่า แทร็ก แต่ละแทร็กจะแบ่งเป็นช้องเก็บข้อมูลเรียกว่า เซกเตอร์
 
2. ฮาร์ดดิสก์ (harddisk) : จะเก็บข้อมูลเป็นวง แต่ละวงจะเรียกว่า cylinder แต่ละcylinderจะแบ่งเป็น sector แต่ละ sectorจะเก็บข้อมูลเป็นชุดๆ Harddiskเป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีความจุสูงมากการเขียนและอ่านข้อมูลจะทำเป็นเซกเตอร์ซึ่งสามารถทำงานได้เร็วมาก

 3.  เทปแม่เหล็ก (magnetic tape) : ใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่มีการจัดเก็บและเรียกค้นข้อมูลแบบเป็นลำดับ เพราะฉะนั้นการเข้าถึงก็จะเป็นแบบการเข้าถึงโดยลำดับ (sequential access)  


 4.  แผ่นซีดี (Compact Disk : CD ) : เป็นสื่อบันทึกข้อมูลชนิดอ่านได้อย่าง เดียว เก็บข้อมูลประเภท  แฟ้มข้อมูลทั่วไป ภาพ เสียง
5. เมมโมรี่สติกค์ Memory Stick :  เป็นสื่อบันทึกข้อมูล ที่ใช้ในกล้องดิจิตอล โทรศัพท์มือถือ
มีขนาดตั้งแต่ 32, 64, 128, 256, 512 ขึ้นไป

6. แฟลช ไดร์ฟ Flash Drive หรือ แฮนดี้ ไดร์ฟ Handy Drive :  เป็นสื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ที่ใช้ร่วมกับช่อง USBคอมพิวเตอร์  ปัจจุบันเป็นที่นิยม
7. ซิมการ์ด Sim Card : เป็นสื่อบันทึกข้อมูลขนาดเล็ก ใช้ในโทรศัพท์มือถือ เก็บข้อมูล รายชื่อสมุดโทรศัพท์ ข้อมูลระบบที่ตั้งค่าไว้ในเครื่องโทรศัพท์


16.หน่วยความจำสำรอง




ที่มารูปภาพ : http://pangsasiwansriburin.blogspot.com/2011/02/blog-post_15.html

         
              เป็นหน่วยความจำที่ใช้สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลไว้อย่างถาวรโดยสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
              ฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่ในหน่วยความจำสำรองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีหลายประเภท เช่น ฮาร์ดดิสก์ แผ่นซีดี แฟลชไดรฟ์

(ที่มาข้อมูล : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type2/tech03/32/p3-5.html )

15.Port HDMI

ที่มารูปภาพ : http://enbeeone3.com/how-to-connect-your-pc-to-tv-with-hdmi-port/

ย่อมาจากคำว่า (H)igh (D)efinition (M)ultimedia (I)nterface
เป็นการเชื่อมต่อเพื่อส่งสัญญาณภาพและเสียงในระบบดิจิตอลพอร์ต
 HDMI ที่นิยมมี 3 แบบได้แก่
HDMI ขนาดมาตรฐาน (Type A - Full size HDMI) มักใช้กับอุปกรณ์ทั่วไป เช่น TV หรือจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์
ส่วนใหญ่จะใช้สายแบบนี้
HDMI ขนาดเล็ก (Type C - Mini-HDMI) มักใช้กับอุปกรณ์กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวีดีโอ และมือถือบางรุ่น
HDMI ขนาดไมโคร  (Type D - Micro-HDMI) มักใช้กับอุปกรณ์มือถือ และอุกรณ์ที่มีขนาดเล็ก

 ( ที่มาข้อมูล : http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=5c7e91d5d01614a2 )

14.Serial Port

ที่มารูปภาพ : http://www.123microcontroller.com/Hardware-Interfacing/Interface-with-Serial-Port-I
               
                  เป็นพอร์ตที่ใช้สำหรับต่อกับเมาส์ในกรณีที่คอมพิวเตอร์เครื่องนั้นไม่มีพอร์ต PS/2 หรือเป็นเคสแบบ AT นอกจากนั้นเรายังใช้สำหรับเป็นช่องทางการติดต่อโมเด็มด้วย  ปัจจุบันอุปกรณ์ที่ใช้พอร์ตนี้แทบไม่มีให้เห็น เนื่องจากหันไปใช้พอร์ตแบบ USB เป็นส่วนใหญ่
( ที่มาข้อมูล : http://www.learners.in.th/blogs/posts/284108 )

13.VGA Port

1t-vga-cattx-rear.jpg
ที่มารูปภาพ :  http://freemac.net/home/topic/1759-ต่อสองจอต้องทำยังไง/

เป็นพอร์ตสำหรับต่อคอมพิวเตอร์เข้ากับมอนิเตอร์ พอร์ตนี้มีขนาด 15 พิน

12.Port Fire Wire

ที่มารูปภาพ : http://www.ubu.ac.th/ocn_blog/blog/wichit-33

               เป็นสายรับส่งข้อมูลดิจิตอลรุ่นใหม่ที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ มีลักษณะคล้าย USB แต่ Fire Wire สามารถทำงานได้ความเร็วสูกว่า USB แต่ไม่เป็นที่นิยมนักเนื่องจากมีราคาสูง

( ที่มาข้อมูล : http://www.learners.in.th/blogs/posts/284108 )

11.Port Digital Audio

เป็นพอร์ตที่ใช้เชื่อมต่อเข้ากับระบบเสียง
ที่มารูปภาพ : http://columbiaisa.50webs.com/cable_toslink.htm

9.Port Digital Camera

Разъемы HDMI и USB под заглушкой на корпусе Panasonic Lumix GF5
ที่มารูปภาพ : http://www.ferra.ru/ru/digiphoto/review/predvaritelniy-obzor-lumix-gf5-panasonic-lumix-gf5-hands-on-preview/


เป็น Port สำหรับต่อกับอุปกรณ์ Input และ Output หน้าที่ของ Port ตัวนี้คือใช้ติดต่อกับกล้องดิจิตอล

8.Port Keyboard

Pictures of computer green and purple PS/2 ports.
ที่มารูปภาพ : http://info.l-tron.com/barcode-scanner-interface-connect-and-communicate/

เป็นพอร์ตที่ใช้สำหรับต่อสายคีย์บอร์ดเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์(สีม่วง)

7.Port Mouse

ที่มารูปภาพ : http://www.kruthong.net/computer/PS2%20Mouse.HTML
เป็นพอร์ต์ที่ใช้สำหรับต่อสายเม้าส์เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์(สีเขียว)

6.Port Scanner

ที่มารูปภาพและข้อมูล : http://h10025.www1.hp.com/ewfrf/wc/document?cc=us&lc=en&dlc=en&tmp_geoLoc=true&docname=c00587163

เป็นพอร์ตที่ใช้สำหรับเชื่อมต่อเครื่องพิมพ์แบบสแกนเนอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ มี่ขนาด 25 พิน (หมายเลข2)

5.วิวัฒนาการ Port USB

ที่มารูปภาพ : http://topicstock.pantip.com/sinthorn/topicstock/2009/11/I8532554/I8532554.html

USB ย่อมาจาก Universal Serial Bus
USB วงจำหน่ายนครั้งแรก 
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ปี พ.ศ.2537 (Revision 0.7) และได้ปรบปรุงแก้ไขเรื่อยมา เมื่อ วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2539 ได้ออกมาเป็น Revision 1.0 (USB1.0) และได้ปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ จนเมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2541 ได้ออกมาเป็น Revision 1.1 (USB 1.1)

( ที่มาข้อมูล : http://eaermut.blogspot.com/2008/10/usb.html )

4.Port Output


โครงสร้างภายในของ Port
ที่มารูปภาพ : http://adisak-diy.com/page28.html
Port Output เป็นช่องสำหรับถ่ายข้อมูลออกไปยังเครื่องแสดงผลลัพธ์
( ที่มาข้อมมูล : http://adisak-diy.com/page28.html )

3.Port Input

โครงสร้างภายในของ Port
ที่มารูปภาพ : http://adisak-diy.com/page28.html
Port Input เป็นช่องสำหรับรับข้อมูลเพื่อนำข้อมูลเข้าไปยังเครื่องนำข้อมูลเข้า

( ที่มาข้อมมูล : http://adisak-diy.com/page28.html )

2.Control Port

             Control port หรือ สายสัญญาณควบคุม  แบ่งเป็นได้ทั้ง Input และ Output การใช้งาน Port นี้ต้องมีการกำหนด Address ของ Port ให้ชัดเจนว่าต้องการติดต่อผ่าน Address ไหน ถ้ากำหนดแอดเดรสผิด Program ก็จะไม่ทำงาน
( ที่มาข้อมูล : www.tatc.ac.th/files/09011219194805_1205180990152.pdf‎ )

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

1.โครงสร้าง Port

( ที่มารูปภาพและข้อมูล : http://adisak-diy.com/page28.html )

พอร์ตคือช่องทางสำหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่งไมโครคอนโทรลเลอร์กับอุปกรณ์ภายนอก

วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

14. (disk drive)

  

          เครื่องจานแม่เหล็ก (disk drive) เป็นเครื่องที่ใช้อ่านและบันทึกข้อมูลบนจานแม่เหล็ก มีหลักการทำงานคล้ายเครื่องเล่นจานเสียงธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่แทนที่จะมีเข็มกลับมีหัวอ่านและหรือหัวบันทึก (read-write head) คล้ายเครื่องแถบแม่เหล็กที่เคลื่อนที่เข้าออกได้ เครื่องจานแม่เหล็ก มีสองแบบ คือ
 1. แบบจานติดอยู่กับเครื่อง (fixed disk)
 2.แบบยกจานออกเปลี่ยนได้ (removable disk)

(ที่มารูปภาพ : http://www.school.net.th/library/snet1/hardware/ddisk.html )

13. (Optical Disk)

ออปติคอลไดรว์(Optical Drive) : เป็นอุปกรณ์ที่ใช้อ่านหรือบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดี/ดีวีดีด้วยกระบวนการทำงานของแสงเลเซอร์ ปัจจุบันอุปกรณ์ออปติคอลไดรว์มีอยู่หลายอย่างดังนี้
ซีดีรอมไดรว์(CD-ROM Drive)
              เป็นไดรว์ที่อ่านข้อมูลจากแผ่านซีดี(CD) ได้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถบันทึกหรือเขียนข้อมูลลงไฟบนแผ่นได้

ดีวีดีรอมไดรว์ (DVD-ROM Drive)
             เป็นไดรว์ที่สามารถอ่านข้อมูลได้จากแผ่นซีดี (CD) และดีวีดี (DVD) แต่สามารถบันทึกหรือเขียนข้อมูลงไปบนแผ่นได้ ซึ่งแผ่นดีวีดีโดยทั่วไปมีขนาดเท่ากับแผ่นซีดีแต่หนาหว่าเล็กน้อย และมีขนาดความจุข้อมูลสูงกว่าแผ่นซีดี

ซีดีไรท์เตอร์ (CD ReWriter)
              หรือมักเรียกว่า ซีดีอาร์ดับบลิวไดรว์ (CD-RW Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดีได้เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลจำนวนมากๆโดยแผ่นซีดีที่นำมาใช้เขียนหรือบันทึกข้อมูลลงไปนั้นจะเป็แผ่น CD-R

คอมโบไดรว์ (combo Drive)
              เป็นไดรว์รวมเอาความสามรถในการอ่านขอมูลจากแผ่นซีดีและดีวีดี และการเขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดีอาร์ดับบลิวเข้าด้วยกัน โดยช่วยประหยัดเนื่อที่กว่าการมีไดรว์ 2 ตัวอยู่ในเครื่อง และประหยัดงบประมารลงไปได้มากปัจจุบันคอมโบไดรว์กำลังหมดความนิยมลงไปเช่นกัน เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยดีวีดีไรท์เตอน์ (DVD ReWriter) ที่มีราคาถูกลงมาก

(ที่มาข้อมูล : http://computerdodee.blogspot.com/2009/11/optical-drive.html )

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

12. (Hard Disk)

ที่มารูปภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/18/harddisk.html
             
                Hard Disk   คือ  อุปกรณ์ที่เก็บข้อมูลได้มาก  สามารถเก็บได้อย่างถาวรโดยไม่จำเป็นต้องมีไฟฟ้ามาหล่อเลี้ยงตลอดเวลา  เมื่อปิดเครื่องข้อมูลก็จะไม่สูญหาย ดังนั้น  Hard Disk  จึงถูกจัดเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บระบบปฏิบัติการ  โปรแกรม  และข้อมูลต่าง  ๆ  เนื่องจาก  Hard Disk  เป็นอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการอัพเกรดทำให้เทคโนโลยี  Hard Disk  ในปัจจุบันได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นการเลือกซื้อ  Hard Disk   จึงควรคำนึงซึ่งประสิทธิภาพที่จะได้รับจาก  Hard Disk

11. รอม (Rom) (READ-ONLY MEMORY)

ที่มารูปภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/18/rom.html
         
          รอม คือหน่วยความจำชนิดหนึ่ง ที่มีโปรแกรม หรือข้อมูลอยู่แล้ว และพร้อมที่จะนำมาต่อกับ ไมโครโปรเซสเซอร์ได้โดยตรง ซึ่งโปรแกรม หรือข้อมูลนั้นจะไม่สูญหายไป
          แม้ว่าจะไม่มีการจ่ายไฟเลี้ยงให้แก่ระบบ ข้อมูลที่เก็บอยู่ใน ROM จะสามารถอ่านออกมาได้ แต่ไม่สามารถเขียนข้อมูลเข้าไปได้ เว้นแต่จะใช้วิธีการพิเศษซึ่งขึ้นกับชนิดของ ROM

10. แรม (Ram) (Random Access Memory) และประเภทของ RAM

ที่มารูปภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/18/ram.html
             RAM ย่อมาจาก (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำหลัสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาเปิดเครื่องเท่านั้นเมื่อปิดเคริ่องข้อมูลจะหายทันที และ ทำหน้าที่เก็บชุดคำสั่งและข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์กำลังทำงานอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าข้อมูล (Input) หรือ การนำออกข้อมูล (Output) โดยที่เนื้อที่ของหน่วยความจำหลักแบบแรมนี้ถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ
     1. Input Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลนำเข้าที่ได้รับมาจากหน่วยรับข้อมูลเข้าโดย ข้อมูลนี้จะถูกนำไปใช้ในการประมวลผลต่อไป
     2. Working Storage Area เป็นส่วนที่เก็บข้อมูลที่อยู่ในระหว่างการประมวลผล
     3. Output Storage Area เป็นส่วนที่เก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผล ตามความต้องการของผู้ใช้ เพื่อรอที่จะถูกส่งไปแสดงออก ยังหน่วยแสดงผลอื่นที่ผู้ใช้ต้องการ
     4. Program Storage Area เป็นส่วนที่ใช้เก็บชุดคำสั่ง หรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการจะส่งเข้ามา เพื่อใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติตามคำสั่ง ชุดดังกล่าว หน่วยควบคุมจะทำหน้าที่ดึงคำสั่งจากส่วน นี้ไปที่ละคำสั่งเพื่อทำการแปลความหมาย ว่าคำสั่งนั้นสั่งให้ทำอะไร จากนั้นหน่วยควบคุม จะไปควบคุมฮาร์ดแวร์ที่ต้องการทำงานดังกล่าวให้ทำงานตามคำสั่งนั้นๆ

ชนิดและความแตกต่างของ RAM

Dynamic Random Access Memory (DRAM) 
     DRAM จะทำการเก็บข้อมูลในตัวเก็บประจุ (Capacitor) ซึ่งจำเป็นต้องมีการ refresh เพื่อ เก็บข้อมูล ให้คงอยู่โดยการ refresh นี้ทำให้เกิดการหน่วงเวลาขึ้นในการเข้าถึงข้อมูล และก็เนื่องจากที่มันต้อง refresh ตัวเองอยู่ตลอดเวลานี้เองจึงเป็นเหตุให้ได้ชื่อว่า Dynamic RAM

Static Random Access Memory (SRAM)
     จะต่างจาก DRAM ตรงที่ว่า DRAM ต้องทำการ refresh ข้อมูลอยู่ตลอดเวลา แต่ในขณะที่ SRAM จะเก็บข้อมูล นั้น ๆ ไว้ และจำไม่ทำการ refresh โดยอัตโนมัติ ซึ่งมันจะทำการ refresh ก็ต่อเมื่อ สั่งให้มัน refresh เท่านั้น ซึ่งข้อดีของมันก็คือความเร็ว ซึ่งเร็วกว่า DRAM ปกติมาก แต่ก็ด้วยราคาที่สูงว่ามาก จึงเป็นข้อด้อยของมัน

9. หน่วยความจำแคช (Cache)

ที่มารูปภาพ : http://www.il.mahidol.ac.th/e-media/computer/system/cache.htm

ในระบบคอมพิวเตอร์จะมีอุปกรณ์บางส่วนที่ทำงานช้า จึงการใช้วิธีนำหน่วยความจำแบบแรมมาเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์เหล่านั้น อันจะทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์โดยรวมเร็วขึ้นมาก เรียกหน่วยความจำส่วนนี้ว่า หน่วยความจำแคช (cache memory) ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ คือ
  1.disk cache คือการเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำหลักของเราก่อน เมื่อ CPU ต้องการจะหาข้อมูล ก็จะหาใน dish cache ก่อนแล้วค่อยเข้าไปค้นหาใน Harddisk
  2.Memory cache จะดึงข้อมูลมาเก็บไว้ใน memory ซึ่งจะถึงขอ้มูลได้รวดเร็วกว่า แต่มีความจำที่เล็กกว่า

(ที่มาข้อมูล : http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/sub%20vol4.htm )

8. หน่วยความจำหลัก

ที่มารูปภาพ : http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech03/18/prakopmemory.html
เป็นพื้นที่ที่ใช้จัดเก็บข้อมูล และคำสั่ง (Data and Instruction) ต่าง ๆ  ที่ถูกส่งมาจากจากหน่วยควบคุม เพื่อส่งให้กับหน่วยประมวลผลกลางประมวลผล ทั้งนี้หน่วยความจำหลักจะเก็บข้อมูลตลอดจนคำสั่งชั่วคราวเท่านั้นโดยปกติแล้วจะแบ่งหน่วยความจำหลักออกเป็น 2 ประเภทคือ ROM และ RAM
  1.  หน่วยความจำแบบ ROM เป็นหน่วยความจำที่ไม่จำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าเลี้ยง ถึงแม้ไฟจะดับ ข้อมูลชุดคำสั่งต่าง ๆ ที่อยู่ข้างในก็จะไม่สูญหายไปส่วนใหญ่จะอ่านข้อมูลได้อย่างเดียวและติดตั้งไว้เพื่อเก็บโปรแกรมประจำเครื่อง 
  2.  หน่วยความจำแบบ RAM เป็นหน่วยความจำที่ต้องอาศัยกระแสไฟฟ้าในการทำงานเพื่อไม่ให้ข้อมูลสูญหาย ) RAM นี้จะถูกใช้เป็นที่พักข้อมูลและโปรแกรมในระหว่างการทำงานของซีพียู โดยซีพียูสามารถเข้าถึงและอ่านหรือแก้ไขข้อมูลตรงจุดไหนก็ได้ใน RAM จนเสร็จแล้วจึงค่อยนำออกไปเก็บถาวรที่อุปกรณ์เช่น ฮาร์ดดิสก์ เมื่อใดก็ตามที่ไฟดับหรือไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงข้อมูลที่เก็บอยู่ไว้ภายในจะสูญหายหมด

(ที่มาข้อมูล : http://www.suwanpaiboon.ac.th/wbi/page/na42.htm )

7.การออกแบบ Microprocessor 64 bit ใน PC

                 Power4 Chip เป็น ซีพียู 64 บิต ใช้แนวคิดสถาปัตยกรรมแบบ RISC( Reduced Instruction- Set Computing หรือชิปที่มีการลดทอนคำสั่ง ) ที่สามารถประมวลผลคำสั่งได้อย่างรวดเร็วภายใน 1 สัญญาณนาฬิกา เป็น CPU แบบ Multi-core มีหน่วยประมวลผล 2 หน่วย ที่อยู่ใน Chip ตัวเดียวมีชุดคำสั่งพิเศษ (ISA) เป็นคำสั่งพิเศษที่ทำให้แพลตฟอร์มมีความสามารถในการประมวล ผลแบบ 64 บิตใช้กันในระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กร AIM (Apple-IBM-Motorola) ทำให้คอมพิวเตอร์ปฏิบัติการได้เร็วมากขึ้น เพราะกำหนดให้ตัวประมวลผลแบบจุลภาค (microprocessor) แต่ละตัวทำงานจำกัดเฉพาะบางอย่าง ซึ่ง Power 4Chip เป็นพื้นฐานของการพัฒนา PowerPC

(ที่มาข้อมูล : ced.kmutnb.ac.th/wws/document/history_of%20_cpu.doc)

6.Microcontroller คืออะไร

ที่มารูปภาพ : http://www.duinothumb.com/articles/intromicrocontroller
       ไมโครคอนโทรลเลอ คือ อุปกรณ์ควบคุมขนาดเล็ก ซึ่งบรรจุความสามารถที่คล้ายคลึงกับระบบคอมพิวเตอร์ โดยในไมโครคอนโทรลเลอร์ได้รวมเอาซีพียู, หน่วยความจำ และพอร์ต ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักสำคัญของระบบคอมพิวเตอร์เข้าไว้ด้วยกัน โดยทำการบรรจุเข้าไว้ในตัวถังเดียวกัน
โครงสร้างโดยทั่วไป ของไมโครคอนโทรลเลอร์นั้น สามารถแบ่งออกมาได้เป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้
1. หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู (CPU : Central Processing Unit)
2. หน่วยความจำ (Memory)
3. ส่วนติดต่อกับอุปกรณ์ภายนอก หรือพอร์ต (Port) มี 2 ลักษณะคือ พอร์ตอินพุต (Input Port) และพอร์ตส่งสัญญาณหรือพอร์ตเอาต์พุต (Output Port)
4. ช่องทางเดินของสัญญาณ หรือบัส (BUS) คือเส้นทางการแลกเปลี่ยนสัญญาณข้อมูลระหว่าง ซีพียู หน่วยความจำและพอร์ต เป็นลักษณะของสายสัญญาณ จำนวนมากอยู่ภายในตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ โดยแบ่งเป็นบัสข้อมูล (Data Bus) , บัสแอดเดรส (Address Bus) และบัสควบคุม (Control Bus)
5.วงจรกำเนิดสัญญาณนาฬิกา นับเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากอีกส่วนหนึ่ง เนื่องจากการทำงานที่เกิดขึ้นในตัวไมโครคอนโทรลเลอร์ จะขึ้นอยู่กับการกำหนดจังหวะ หากสัญญาณนาฬิกามีความถี่สูง จังหวะการทำงานก็จะสามารถทำได้ถี่ขึ้นส่งผลให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ตัวนั้น มีความเร็วในการประมวลผลสูงตามไปด้วย

(ที่มาข้อมูล : http://th.wikipedia.org/wiki/ไมโครคอนโทรลเลอ )

5.ประวัติ Intel/AMD/Apple A4

ที่มารูปภาพ : http://bc54231.blogspot.com/2011/07/cpu-intel.html
1. Intel เป็น บริษัทผู้ผลิตซีพียูที่เก่าแก่และมีการพัฒนา มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ซีพียู 8086 , 8088 และซีพียูในตระกูล 80x86 เรื่อยมา จนมาถึง Celeron , Pentium II และ III ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในสมัยนั้น ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ยุค Celeron II, Pentium 4 และ Pentium 4 Extreme Edition ที่ได้รับการตอบรับจากผู้ใช้อย่างกว้างขวาง เรื่อยมาจนมาถึงยุคของ Celeron D และ Pentium 4 ภายใต้รหัส Processor Number ใหม่ รวมไปถึงซีพียูในกลุ่ม Dual และ Quad-Core อย่าง Pentium D , Pentium Dual-Core, Pentium Extreme Edition , Core Duo, Core 2 Duo, Core 2 Quad และ Core 2 Extreme ที่ถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของยุคซีพียูในแบบ Dual & Multi-Core บนเครื่องซีพีที่ใช้กันอยู่แพร่หลายในปัจจุบัน รวมทั้งซีพียูบนโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมแบบใหม่อย่าง Nehalem ที่จะมาพร้อมกันแบรนด์ใหม่ที่ชื่อว่า Core i7

ADM Logo - Color
ที่มารูปภาพ : http://www.bloggingstocks.com/category/adm/
2. แอดวานซ์ ไมโคร ดีไวซ์, Inc. หรือ เอเอ็มดี เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ก่อตั้งเมื่อ ปี ค.ศ. 1969 โดยพนักงานเก่าจากบริษัท Fairchild Semiconductor โดย เอเอ็มดี ผลิตสินค้าเกี่ยวกับ เซมิคอนดัคเตอร์ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเป็นผู้พัฒนา ซีพียู และเทคโนโลยีต่างๆ ออกสู่ตลาด และ ผู้ใช่ทั่วไปโดยที่สินค้าหลักของบริษัทคือ ไมโครโพรเซสเซอร์,เมนบอร์ดชิปเซ็ต,การ์ดแสดงผล,ระบบฟังตัว สำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์,คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล,ระบบฝังตัว
        AMD เป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ในตลาดของไมโครโพรเซสเซอร์ ที่มีพื้นฐานอยู่บน x86 อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิปกราฟิกการ์ดรายใหญ่ของโลก และ ยังผลิตหน่วยความจำแบบแฟลช โดยในปี 2010 AMD เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดัคเตอร์ อันดับที่ 12 ของโลก
        AMD นับเป็นคู่แข่งที่สำคัญของอินเทลในตลาดไมโครโพรเซสเซอร์ และมีคดีความฟ้องร้องกันอยู่ในหลายประเทศ เรื่องอินเทลผูกขาดการค้า ปัจจุบันได้ทำการยอมความกันไปแล้ว

ที่มารูปภาพ : http://www.vcharkarn.com/vblog/114594
3. Apple A4 ได้เปิดตัว (พร้อมกับ iPad) เมื่อ 27 มกราคม 2553  ในช่วงที่ Apple กำลังสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมามากมาย
      7 มิถุนายน 2553    สตีฟ จ๊อบส์ ประกาศยืนยันในที่สาธารณะว่า  iPhone 4 จะมี A4 Processor ถึงแม้ว่าช่วงนั้น A4 จะไม่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายนัก แต่มันก็มีช่วงความถี่เดียวกันกับ iPad ความกว้างของบัสหรือแคชที่เหมือนกับ A4 ที่พบก่อนหน้าที่จะผลิต iPad
      1 กันยายน 2553    iPod Touch และ AppleTV มีการปรับปรุงเพื่อให้ใช้ได้กับ A4 Processor

4.Microprocessor ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันใน PC/Macintosh/Notebook/SmartPhone/Tablet

Microprocessor ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ
- Intel Core i7 ใช้สำหรับ PC/Macintosh/Notebook
- windows8 RTM ใช้สำหรับ SmartPhone/Tablet


ที่มารูปภาพ  : http://ongfong69.wordpress.com/2010/10/22/cpu-intel-corei7/
ที่มารูปภาพ  : http://www.businessplus.co.th/index.php/product?id=1047

3.ส่วนประกอบโครงสร้างภายใน Microprocessor (RISC)



               โครงสร้างชุดคำสั่งที่ใช้ใน RISC ของยกตัวอย่างของชุดคำสั่ง MIPS ไว้กระทำรีจิสเตอร์ 3 ตัว
คือ scr1, scr2, dest กล่าวถึง scr เป็นรีจิสเตอร์ตัวทำงาน dest เป็นรีจิสเตอร์ผลลัพธ์ การออกแบบคำสั่งมุ่งไปที่การใช้รีจิสเตอร์ภายใน ดังนั้น รีจิสเตอร์มักมีขนาดกว้าง ขนาด 32 บิตจะพิจารณาคำสั่งที่แสดงจะพบว่าคำสั่งเพียงเท่านี้ การใช้งานหรือการเขียนโปรแกรม ให้ทำงานในสิ่งต่างๆที่ต้องการ  การออกแบบ RISC ที่ใช้สถาปัตยกรรมที่แตกต่างจาก CISC โดยสิ้นเชิง

ความสามารถอยู่ที่การจัดการการหน่วยความจำ
               เมื่อซีพียู RISC ทำงานด้วยคำสั่งที่ใช้กับรีจิสเตอร์เป็นหลักมีเพียง LD กับ ST ที่ใช้จากหน่วย
ความจำLD กับ ST จึงต้องเกี่ยวกับหน่วยความจำที่ซีพียูต้องติดต่อ การที่ซีพียูต้องติดต่ออย่าง
รวดเร็ว ต้องอาศัยหน่วยความจำแคช ดังนั้น ประสิทธิภาพของ RISC ขึ้นอยู่กับการจัดโครงสร้าง
ของหน่วยความจำที่หน่วยความจำแคชจะต้องมีบทบาทที่ทำให้ซีพียูติดต่อข้อมูลเป็นส่วนใหญ่
โครงสร้างของแคชที่ใช้กับ RISCเป็นแบบ direct mapped cache ใช้การติดต่อกับหน่วยความ
จำนี้จำทำให้หน่วยความจำต่อกับแคชในลักษณะที่มีการกำหนดตำแหน่ง แคชแบบนี้จะทำให้การเข้า
ถึงทำได้เร็ว

(ที่มาข้อมุล http://www.geocities.ws/micro2comed/page23.htm )

2.ชนิดของ Microprocessor

เราสามารถแบ่งไมโครโพรเซสเซอร์ตามสถาปัตยกรรมได้เป็น 2 ชนิด คือ

(ที่มารูปภาพ : http://en.wikipedia.org/wiki/Reduced_instruction_set_computing )

1. Reduced Instruction Set Computer
            RISC คือ ไมโครโพรเซสเซอร์ที่มีคำสั่งน้อย แต่คำสั่งทำงานได้เร็ว ในยุคคริสต์ทศวรรษ 1970 ไมโครโพรเซสเซอร์ที่ได้ คือ IBM 801, Stanford MIPS และ Berkeley RISC 1 และ 2 ไมโครโพรเซสเซอร์ชนิดนี้ในยุคต่อมาได้แก่ SPARC ของ ซัน ไมโครซิสเต็มส์ และ PowerPC ของ โมโตโรล่า



2. Complex Instruction Set Computer
            CISC เป็นสถาป้ตยกรรมของไมโครโพรเซสเซอร์ที่มีคำสั่งมากกว่าและซับซ้อนกว่า ได้แก่ ไมโครโพรเซสเซอร์ x86 เพนเทียมและเซเลรอนของอินเทลและ ไมโครโพรเซสเซอร์จากบริษัทเอเอ็มดี (AMD)